กลับมากันต่อตอน 3 นี่อาจเป็นนิยายเกี่ยวกับงานประจำที่แย่ๆ ทั้งชีวิตของผมที่ได้ประสบพบเจอมาก็ได้ แล้วก็ไม่รู้ว่า งานที่มีรายได้สูง ที่ฝันหานั้นมีอยู่จริงไหม แต่จากคำบอกเล่าของเพื่อนฝูงและคนรู้จัก เค้าก็มีวันถึงฝั่งฝัน แต่สำหรับผมแล้ว ทุกวันนี้ยังหาอยู่เลย บริษัทในฝัน งานถูกใจ วัดกันที่ความสามารถไม่ใช่รายงาน และหัวหน้า+เพื่อนร่วมงาน เป็นมิตรที่ดี

ด้วยเหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้ผมต้องทนแบกรับงานหนักอีกครั้ง เพราะหัวหน้าผมซึ่งเธอเป็นคนที่สวยและน่ารักมาก แต่กลายเป็นว่าความสัมพันธ์ของเธอกับเจ้าของบริษัทถูกเปิดเผยทำให้เรื่องไปถึงหูของผู้กุมบังเหียนบริษัท ทำให้เธอต้องออกกระทันหัน ผมเคว้งเลย หัวหน้าไม่อยู่ผมจะอยู่กับใคร เค้ารับใครต่อใครมาก็ทำงานไม่เป็น ผมเสียอีกที่ต้องเหนื่อยทำแทนทุกอย่าง หรือนี่คือบททดสอบงานที่มีรายได้สูง ถ้าทนอีกหน่อยคงได้ขึ้นเป็นหัวหน้า

แต่ผมจำได้ ตอนนั้นผมอยู่ ปวส.1 จะขึ้นปี 2 อายุ 17 จะเป็นหัวหน้าคนมันมีด้วยเหรอ อีกอย่าง ผมต้องย้ายจากที่อยู่กับพี่ชายคนโต ไปอยู่กับพี่ชายคนรองที่ไกลออกไปจากที่เดิมเกือบ 20 กิโลเมตร ผมต้องตื่นเช้าขึ้น กลับดึกมากขึ้น ทำงานมากขึ้น ผลของการรอคอยว่าจะได้เป็นหัวหน้า กลายเป็นเค้ารับคนมาเป็นหัวหน้าผม 4 คน แต่ละคนต่างทำหน้าที่คนละส่วน งานผมทั้งหมดถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วน จนกระทั่งผมไม่มีงานเหลือ และหน้าที่อย่างเดียวที่ผมต้องรับผิดชอบคือ ประสานงาน

ผมเป็นคนลงมือทำ ปฏิบัติการทุกอย่าง อยู่ดีๆ ให้กลายเป็นแค่ผู้ประสานงานเฉยๆ และไม่มีนิสัยที่ชอบคุยโทรศัพท์กับใครนานๆ การง้อเชิงการขาย ฯลฯ ผมไม่ถนัด ผมถนัดการลงมือทำจริง ทักษะที่ผมฝึกมาทั้งพิมพ์ดีดแบบสัมผัส ทั้งโปรแกรมต่างๆ ที่ตลาดต้องการในตอนนั้น กลายเป็นของไร้สาระเมื่อต้องมานั่งจับแต่โทรศัพท์ทั้งวัน

พอดีเพื่อนที่เรียนห้องเดียวกันเห็นว่าผมเก่ง เลยอยากชวนไปทำงานด้วย แถมเงินเดือนเฉียดๆ 5,000 บาทต่อเดือน ผมเลยตัดสินใจไม่ยากที่จะย้ายตัวเองออกไปจากที่นั่นในอีก 1 เดือนให้หลัง หลังจากหัวหน้าผมชิงลาออกไปก่อน

ผมเข้าทำงานที่ใหม่ด้วยทักษะการคีย์ตัวเลขบนแป้นคีย์บอร์ดแบบเร็วสายฟ้าฟาดและผิดพลาดไม่ถึง 2% กับตัวเลขราคาบนบิลยาวๆ แบบ 7-11 ในขณะนั้น เพราะผมพลาดเองที่จบ ปวช.มาทางสายการตลาด แทนที่จะเป็นสายบัญชี เพื่อนผมดึงไปยังแผนกเค้าไม่ได้เพราะผมจบมาคนละสายกับที่เค้าต้องการ แต่ก็ยังโชคดีที่เค้ายังรับผมให้เข้าทำงานในหน้าที่ เจ้าหน้าที่คีย์ข้อมูล

ผมทนทำอยู่แบบนั้นจนชำนาญ แต่ด้วยทั้งวันต้องคีย์แต่ตัวเลข ผมเลยกลัวความสามารถผมจะหาย เลยนั่งเขียนโปรแกรม Pascal เล่นๆ หาหนังสือมาอ่านเขียนเกมส์เล่นในที่ทำงาน กลายเป็นว่าผมทำระบบเค้าเสียหายเพราะ IT เค้าจับโปรแกรมผมเจอและเห็นว่าเป็นเกม (เค้ารู้ได้ไง) ผมเลยอยากรู้ว่าทักษะไอทีเค้าต้องมีอะไรบ้างถึงจะสามารถควบคุมระบบ Computer ในองค์กรใหญ่ๆ แบบนี้ได้ แต่ดูเหมือน IT มันจะหยิ่งไม่ยอมปริปากบอก ผมเลยต้องขวนขวายหาทางเอง สรุปไม่ได้อะไรเลย ผมยังคงทำระบบเค้าเสียหายด้วยการแอบเปลี่ยน C Promp หรือเขียน config.sys กับ autoexec.bat เองโดยพละการ แอบแจกเกมที่เขียนด้วย Pascal เองให้พี่ๆ ใน Office เล่น

คอมฯ ผมเลยโดนล้างไม่เหลือชิ้นดี และผมโดนย้ายแผนก อีกอย่างบ้านไกลผมมาสายบ่อย แผนกนี้มีคนเยอะแล้ว แค่คีย์ตัวเลขไปวันๆ อยากจะลดรายจ่ายในช่วงฟองสบู่แตก ผมเลยโดนเด้งไปอยู่มินิมาร์ทแทนหลังจากงานประจำที่นี่ได้เพียงปีเดียว ตอนนี้ผมอยู่ ปวส.ปี 3 และใกล้จะจบในอีกครึ่งปีเท่านั้น

โชคไม่ดีเรื่องงานประจำ (3) กับงานที่มีรายได้สูงที่สุด

ผมอยู่มินิมาร์ทกะดึกสลับกะเช้า เดือนแรกสนิทกับทุกคน พี่ๆ ก็น่ารัก น้องๆ ก็น่ารัก คิดว่าจะทุ่มเทความสามารถในสายการให้บริการให้ดียอดเยี่ยมและพักสมองบ้างแต่ก็เรียนหนักมากเพราะปีสุดท้าย โปรเจคเยอะมากมาย แต่ก็ยังอยากจะมีผลงานบ้าง สามเดือนต่อมาขณะเข้าทำงานกะดึก วันนั้นผมเห็นในเช้ลล์มีสินค้าอยู่น้อยเลยเอาสินค้ามาเติม แต่มันต้องยิงสติกเกอร์บาร์โค๊ดราคา ผมไม่รู้ว่าเท่าไหร่ ก็เลยตัดสินใจดูสติกเกอร์เก่าที่แปะไว้กับสินค้าตัวที่วางอยู่เดิม แล้วจัดการยิงเพิ่มเข้าไปเต็มเช้ลล์ ล้างกระบะ ถังน้ำสำหรับกด กาแฟ โอวัลติน ทำให้ใหม่เอี่ยม ตู้แช่เคลียร์อย่างดี สต๊อคสะอาดโล่งเป็นระเบียบ กะดึกนั้นผมเตรียมงานให้กะเช้ารับช่วงต่อแบบไม่ต้องเหนื่อย

กลับบ้านเช้า พัก นอนหลับตื่นมาอีกที 2 ทุ่มใกล้เข้าทำงานแล้ว นั่งรถเมล์มาทำงานด้วยใจอันสดชื่นเหมือนเช่นทุกวัน มาเจอเพื่อร่วมกะดึกตาแดงๆ ถามว่าเป็นไร เค้ายื่นสมุดโน๊ตให้อ่าน (สมุดโน๊ตสำหรับเขียนความต้องการ การสั่งงาน และการส่งต่อกะที่จะต้องมีทุกรอบ เซ็นรับรองโดยผู้จัดการร้านหรือรองฯ)

ใจความในโน๊ตขนาด A4 2 หน้ากระดาษเล่มนั้น มันเหมือนเป็นฆ้อนกำลังทุบหัวผมอยู่ทุกถ้อยคำที่อ่านมันลงไป ตาแดงๆ ที่เพื่อนผู้หญิงร่วมกะต้องโดนไปพร้อมกับผมด้วยคือความรับผิดชอบของทั้งสองคน ผมบอกเธอไม่ต้องรับ ฉันพร้อมจะรับมันไว้เองคนเดียว แล้วก็เขียนอธิบายมันลงไปในสมุดโน๊ตเล่มนั้นเพื่อส่งต่อให้กับผู้จัดการร้าน ที่จะมาในตอนเช้าพรุ่งนี้

ประเด็นหลักที่ทำให้เพื่อนผมตาแดงๆ และผมเองที่อาจจะต้องรับผิดชอบทุกประการก็คือ ผมยิงราคาบาร์โค๊ดสินค้าผิดทั้งเช้ลล์ ด้วยความหวังดีทำให้สินค้าถูกขายออกไปแบบถูกๆ ทำให้สาขาขาดทุนหลายหมื่นบาท ผมมองดูตัวอย่างที่เค้าเอามาให้ ใช่ มันเป็นสติกเกอร์บาร์โค๊ดที่ผมยิงเอง แล้วอันที่เป็นต้นฉบับที่ผมเอามายันล่ะ ไม่มี แต่น่าแปลก ผมยืนยันว่ายิงตามราคาที่มีอยู่เดิม แต่ทำไมราคาถุงอื่นมันผิดไปจากที่ผมยิง

เค้าทันฑ์บนผม 1 เดือนและหักเงินเดือนอันน้อยนิดที่ผมจะได้ทั้งเดือนด้วยค่าใช้จ่ายที่ผมผิดพลาดและให้หารกับเพื่อนร่วมกะ ผมยินดีรับผิดชอบเอง แล้วก็ได้ทะเลาะกับผู้จัดการร้านเพราะเค้าไม่ฟังเหตุผลของผม ผมนั่งร้องไห้ทั้งคืนในกะนั้นไม่เป็นอันทำงาน นี่ผมโดนไล่ออกหรือเปล่า เดือนนี้ผมไม่ได้เงินเดือน แล้วผมจะทำงานไปทำไม งานที่ผมฝันไว้ งานที่มีรายได้สูงอย่างในฝัน มันคงไกลเกินเอื้อมสำหรับผม

ผมกลับบ้านแบบน้ำตานอง เพื่อนๆ น้องๆ ที่มารับกะต่อก็ปลอบใจว่ามันคงไม่เป็นอย่างที่ผมคิด กะดึกต่อมาผมไม่ไปทำงาน กะบ่ายเลยโทรมาด่าผมว่าเค้าจะต้องควบกะไม่ไหวหรอก ผมไม่สน ผู้จัดการร้านแอบปลอมตัวโทรมาถามว่าผมอยู่ไหน ผมบอกอยู่กับสาว เค้าเลยเอาเรื่องผมไปเม้าส์ว่าผมติดหญิงไม่ไปทำงานอีก แล้วก็โทรมาบอกว่าให้ผมเขียนใบลาออกซะ

หลังจากนั้นผมไม่เหยียบไปที่นั่นอีกเลย จบแล้ว งานประจำที่ผมฝันว่ามันคงจะดีที่สุด แม้จะเป็นบริษัทใหญ่แต่ได้ทำในตำแหน่งระดับล่างสุด แถมเจอหัวหน้าที่ไม่มีเหตุผลและไม่ช่วยลูกน้องแบบนี้ อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์ กลับมาตกงานอีกรอบรับการเรียนจบ ปวส. พอดี