จากบ้านคลองม่วง จังหวัดกระบี่ มาตั้งแต่เรียนจบชั้นประถม 6 มาอยู่กับพี่ชาย แทบจะเรียกว่าอยู่ตัวคนเดียวก็ว่าได้ พี่สะใภ้ชอบเล่นไพ่ พี่ชายก็กลับบ้านดึก ช่างเป็นช่วงเวลาที่ต้องตัดสินใจอย่างยากยิ่ง เพราะในระหว่างนั้น พี่สาวที่มาอยู่ด้วยกันก็จำต้องจากไปอย่างไม่มีทางหวลกลับมาอีกเลย ทำให้ทางบ้านต้องอยู่ในความเศร้าหมอง แม่อีกล่ะ จะเป็นยังไงบ้าง เพราะนานแล้วที่แกไม่ขึ้นมาเยี่ยมเลย รอเวลาปิดเทอมถึงจะลงไปหาแกซักครั้ง พบหน้ากันก็โผกันเข้ากอดทุกครั้ง จากกันมาอยู่ไกลๆ ก็น้ำตาซึมทุกครั้งไป แต่ ณ ที่นี้ หากเดินทางผิดไปก็จะทำให้แม่และทุกคนที่รักต้องเสียใจไปตลอด
แม้จะเหมือนตัวคนเดียวในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพ แต่เด็กกระบี่คนนี้ อย่างน้อยก็เป็นคนรักดีอยู่บ้าง แม้จะไม่ได้ฉลาด เก่ง ทันคนเขาเสียทุกอย่าง แต่อย่างที่ผู้เฒ่าผู้แก่ และแม่เองปลูกฝังไว้ว่าสิ่งใดที่รู้สึกไม่สบายใจ และกังวล อย่าไปเกี่ยวข้องกับมัน ตั้งใจเรียนให้จบเป็นพอ น่าเสียดายที่หลังจากจบมัธยมปีที่ 3 สอบเข้าเรียนต่อ มัธยม 4 ที่เดิมได้แล้ว แต่คิดว่าไม่ใช่สิ่งที่ต้องการเพราะหากฝืนอาจต้องแย่ เลยติดตามเพื่อนเพื่อหาฝัน แต่สุดท้ายก็ไปไม่ถึงเพราะสอบเข้าไม่ได้ จนเดือดร้อนถึงพี่ชายพาเข้าเรียนโรงเรียนเอกชน นั่นเป็นจุดเปลี่ยน อย่างน้อย สิ่งที่เป็นความฝันก็เข้ามาใกล้อีกนิด โดยมีทางเลือกที่ในตอนนั้นหาไม่เจอ แต่พี่ชายกลับมองเห็น ต้องขอขอบคุณอย่างใจจริง และนี่อาจเป็นพระคุณอย่างเดียวที่เหลืออยู่
จบอาชีวะมาใช่ว่าจะทำอะไรได้ เด็กกระบี่ตัวคนเดียวในโลกกว้าง ดั้นด้นหางานหาเงินเพื่อช่วยเหลือทางบ้าน แต่ไปๆ มาๆ แค่ตัวเองยังไม่รอด ในตอนนั้นรู้สึกว่าชีวิตวัยรุ่นตัวเองหมดลงตรงนี้ หลังจากพี่ชายคนกลางชวนไปอยู่ด้วย อาจเป็นสิ่งที่ดีกว่าหากจะฝืนอยู่ในแบบอดๆ อยากๆ และทนกับสิ่งแวดล้อมที่และคน ไม่ชอบ เดินหน้าต่อ แต่สุดท้าย สิ่งใหม่ที่พบเจอ กลับยิ่งทำให้ อึดอัด มากขึ้น ต้องตัดสินใจเลือกอีกครั้ง รู้เดี๋ยวนั้นเองว่า ต้องโตเสียทีและรับผิดชอบตัวเองให้ได้ด้วยมันสมองและสองมือนี้ มือที่แม่และพ่อให้มา สมองและร่างกายประกอบมาจากความดีและเมตตาจากพ่อและแม่ ความมีจิตใจดีเหมือนอย่างพี่สาว มีความอดทนเหมือนแม่
เดินหน้าสู่โลกกว้างด้วยตัวเอง หนีจากคนที่ไม่ชอบ หนีจากสิ่งแวดล้อมที่น่าเบื่อที่ต้องเจอทุกวันในวัย 19 ปีเต็ม ออกมาเผชิญโลกตัวคนเดียว หากจะแย่ก็อยู่ที่ความคิดเรา ใช่สิ่งแวดล้อมและผองเพื่อน หากไม่รักดีก็อยู่ที่ตัวเรา หาใช่อื่นใด
4 ปีหลังจากนั้นก็นำปริญญาบัตร และตัวตนที่เติบใหญ่ไปให้แม่กอดได้ สุดท้ายแกก็จากไปด้วยวัย 73 ปีด้วยโรคมะเร็ง อย่างน้อยก็ทำความฝันให้แม่ได้เป็นจริงเรื่องหนึ่ง แต่ความฝันของแม่จะไม่สลายหายไปกับเถ้ากระดูก ณ ทะเลคลองม่วง กระบี่ แต่มันจะติดตัวและสืบสานถ่ายทอดต่อไปยังลูกหลานของแม่แน่นอน
กระบี่ บ้านคลองม่วง เมื่อไม่มีแม่ พี่น้องคนอื่นก็ต่างแยกย้ายกันไปคนละทางเหมือนเรือแตก บ้างก็มีปัญหาโน่นนี่ กระบี่ เมืองน่าอยู่ ผู้คนน่ารัก ในยามที่มีแม่ เมื่อแม่ไม่อยู่ ผู้คนที่น่ารักกลายเป็นคนน่าชัง เมืองน่าอยู่กลายเป็นเมืองที่น่าอึดอัด แต่ก็อย่างว่า เมืองก็มีการเจริญทุกวัน ไม่มีแม่ ไม่มีเรา มันก็ยังเจริญต่อไป ขาดเราไปซักคน หรือต่อให้แม่ยังอยู่ มันก็จะยังคงเจริญของมันต่อไป แต่ ณ วันนี้ก็คงต้องบอกว่า ขอลาที กระบี่ เมื่อไม่มีแม่ ก็เหมือน ไม่ใช่เมืองน่าอยู่ ไม่มีผู้คนที่น่ารัก อีกต่อไป