ศึกชิงเจ้าตลาดบวกกับการละเมิดเครื่องหมายการค้ามีอยู่คู่สังคมไทยมาเนิ่นนาน เหมือนกับการเปิดร้านข้าวมันไก่หน้าปากซอย หากขายดี เพื่อนบ้านก็จะแห่กันมาเปิดแข่งสุดท้ายก็เต็มซอย
เรื่องนี้มันดีกับผู้บริโภค แต่ไม่ดีต่อผู้ขาย มันลามไปทุกธุรกิจ ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจ “ชานมไข่มุก”ฟาดฟันกันมานานปี ระหว่างชานมไข่มุกพ่นไฟ 2 แบรนด์ “เสือพ่นไฟ” บวกกับ “หมีพ่นไฟ” ที่เป็นคดีความกันมาเรื่องการละเมิดเครื่องหมายการค้า
ชื่อสินค้าที่คล้ายกัน บวกกับจงจังที่จะทำให้เกิดความเข้าใจผิดในเรื่องของการส่งสินค้าผ่านหัวสัตว์ ซึ่งก็หมายความว่าศาลก็ตัดสินแล้วว่า ให้คู่ความชดใช้เงิน 10 ล้านบาท เรื่องนี้ทนายความได้เผยว่า นับเป็นการจ่ายค่าเสียหายที่สูงที่สุด ในคดีเครื่องหมายการค้าไทย
แต่ยังไม่จบแค่นี้ เพราะคดีอาญายังมีการฟ้องต่อ บวกกับเลื่อนไต่สวนมูลฟ้องไป ก.พ. 65 ด้านเจ้าของแบรนด์ผู้ชนะ ระบุว่า นี่ถือเป็นคดีตัวอย่างให้นักก๊อปทั้งหลายควรทำธุรกิจอย่างโปร่งใสบวกกับต้องให้เกียรติกัน
ศึกชานม เสือพ่นไฟ VS หมีพ่นไฟ
เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2564 ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาบวกกับการค้าระหว่างประเทศกลาง ศาลอ่านคำพิพากษาในคดีแดง เลขที่ ทป. 170/2564
ซึ่งก็หมายความว่ามี น.ส.นันทนัช เอื้อศิริทรัพย์ บวกกับบริษัท รวยสบายสบาย จำกัด เจ้าของแบรนด์ “ชานมไข่มุกเสือพ่นไฟ Fire Tiger” เป็นโจทก์ร่วมที่ 1 บวกกับ 2 ร่วมฟ้องเจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์เครื่องดื่ม “ชานมไข่มุกหมีพ่นไฟ The Fire Bear” เป็นจำเลย
ในฐานความผิดละเมิดเครื่องหมายการค้า ตามพ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 พร้อมขอศาลให้สั่งห้ามไม่ให้จำเลยกระทำการละเมิดสิทธิในเครื่องหมายการค้าบวกกับเครื่องหมายบริการของโจทก์ต่อไป ให้ยุติการใช้เครื่องหมายการค้าบวกกับเครื่องหมายบริการที่เหมือนคล้ายกับโจทก์โดยคดีนี้โจทก์ยื่นฟ้อง ตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย. 2563 กล่าวหาว่ามีการใช้เครื่องหมายการค้าเหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ บวกกับมีการขายแฟรนไชส์สินค้าดังกล่าว ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่จำเลยใช้คำว่า “หมีพ่นไฟ” บวกกับ “The Fire Bear” เป็นชื่อร้านค้า สินค้าบวกกับบริการ กิจการบวกกับเป็นชื่อชานมไข่มุก รวมถึงการใช้ประติมากรรมหัวหมีพ่นไฟ ที่มีลักษณะอ้าปากเป็นช่องส่งสินค้าชานมไข่มุกให้แก่ลูกค้า
ซึ่งก็หมายความว่ามีลักษณะเหมือนคล้ายกับธุรกิจของโจทก์ ย่อมทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่า เป็นร้านที่มีเจ้าของเดียวกัน หรือสินค้ามาจากแหล่งเดียวกัน ถือเป็นการลวงให้ประชาชนเชื่อว่า สินค้าหรือการค้าของจำเลยเป็นของโจทก์หรือเกี่ยวเนื่องกับโจทก์
จึงถือเป็นการกระทำละเมิด ฐานลวงขายพิพากษาว่า การกระทำของจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานลวงขาย ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ เป็นจำนวนเงิน 10,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมายนับแต่วันฟ้อง รวมถึงชำระค่าเสียหาย เดือนละ 100,000 บาท นับแต่วันฟ้อง จนกว่าจำเลยทั้งสองจะยุติการกระทำละเมิดดังกล่าวภายหลังฟังคำพิพากษา
นายสืบสิริ ทวีผล ทนายความโจทก์ ได้เผยว่า คดีนี้ศาลวินิจฉัยข้อกฎหมายหลายส่วน โดยเฉพาะความคุ้มครองเกี่ยวกับหลักกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาที่เรียกว่า Trade Dress หรือ ความคุ้มครองการตกแต่งรูปลักษณ์ของสินค้าบวกกับบริการ
Trade Dress คืออะไร
เครื่องหมายรูปลักษณ์ (Trade Dress) หมายถึง การให้ความคุ้มครองเครื่องหมายในภาพรวม เช่น การคุ้มครองฉลากหีบห่อของสินค้า ซึ่งก็หมายความว่านอกเหนือจากเครื่องหมายการค้า รวมถึงให้ความคุ้มครองการจัดหน้าร้านหรือการตกแต่งสถานที่ให้บริการอันมีลักษณะโดดเด่นเป็นที่จดจำของผู้บริโภคแม้ว่าจะมีการให้คำนิยามเกี่ยวกับเครื่องหมายรูปลักษณ์ไว้
แต่สำหรับประเทศไทยในปัจจุบันนั้นการตีความตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2543 ไม่อาจให้ความคุ้มครองไปถึงรูปแบบการตกแต่งร้านอันเป็นเครื่องหมายรูปลักษณ์ได้ โดยจะเห็นได้จากคำนิยามของเครื่องหมาย ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2543 มาตรา 4 ซึ่งก็หมายความว่าบัญญัติว่า
“เครื่องหมาย” หมายความว่า ภาพถ่าย ภาพวาด ภาพประดิษฐ์ ตรา ชื่อ คำ ข้อความ ตัวหนังสือ ตัวเลข ลายมือชื่อ กลุ่มของสี รูปร่างหรือรูปทรงของวัตถุ เสียง หรือสิ่งเหล่านี้อย่างหนึ่งหรือหลายอย่างรวมกัน
บทสรุป เสือพ่นไฟ VS หมีพ่นไฟ ใครชนะ
คดีนี้มีการยื่นฟ้องมาตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย. 2563 ทางเสือพ่นไฟ กล่าวหาว่า หมีพ่นไฟ มีการใช้เครื่องหมายการค้าเหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของตน บวกกับมีการขายแฟรนไชส์สินค้าดังกล่าว รวมไปถึงการตกแต่งร้านค้าคล้ายกัน ทำให้ทางเสือพ่นไฟได้รับความเสียหายศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่ หมีพ่นไฟ บวกกับ The Fire Bear เป็นชื่อร้านค้า สินค้าบวกกับบริการ กิจการบวกกับเป็นชื่อชานมไข่มุก
รวมถึงการใช้ประติมากรรมหัวหมีพ่นไฟ ที่มีลักษณะอ้าปากเป็นช่องส่งสินค้าชานมไข่มุกให้แก่ลูกค้า ซึ่งก็หมายความว่ามีลักษณะเหมือนคล้ายกับธุรกิจของ เสือพ่นไฟ ย่อมทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่า ร้านหมีพ่นไฟเป็นร้านที่มีเจ้าของเดียวกัน หรือสินค้ามาจากแหล่งเดียวกัน ถือเป็นการลวงให้ประชาชนเชื่อว่า สินค้าหรือการค้าของจำเลยเป็นของโจทก์หรือเกี่ยวเนื่องกับโจทก์
จึงถือเป็นการกระทำละเมิด ฐานลวงขายจึงพิพากษาให้ หมีพ่นไฟ ชดใช้ค่าเสียหายแก่เสือพ่นไฟ เป็นจำนวนเงิน 10,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมายนับแต่วันฟ้อง รวมถึงชำระค่าเสียหาย เดือนละ 100,000 บาท นับแต่วันฟ้อง จนกว่าทางหมีพ่นไฟจะยุติการกระทำการละเมิด
จุดส่งสินค้าให้ลูกค้าของ เสือพ่นไฟ
จุดส่งสินค้าให้ลูกค้าของ หมีพ่นไฟ
การเติบโตของธุรกิจชานมไข่มุก ระหว่าง เสือพ่นไฟ VS หมีพ่นไฟ
แบรนด์ชานมไข่มุก Fire Tiger เสือพ่นไฟ
ถือเป็นแบรนด์ชานมไข่มุกสัญชาติไทยแท้ จากการปลุกปั้นของคนไทยทุกขั้นตอน เปีดสาขาแรกที่สาขาสยามสแควร์ ช.3 เริ่มเปิดให้บริการ ตั้งแด่เดือน มิ.ย. 2561 โดยลักษณะชานมไขมุกแบบเสือพ่นไฟมีชื่อเยงโด่งดัง คือ น้ำตาลไหม้เป็นตังเมแข็ง ท็อปปิ้งบนครีมที่มีความมันๆ ไม่หวาน กลิ่นชานมรสชาติหอมชานมอ่อนๆ
บวกกับน้ำตาลไหม้ตลอดจนเอกลักษณ์จากรูปประดิมากรรมหัวเสือ ที่คิดค้นขึ้นเป็นรายแรก เพื่อส่งมอบเครื่องดื่มให้กับลูกค้าผ่านทางปากเสื้อจนเป็นที่ถูกใจของชาวไทยบวกกับต่างชาติ กระทั่งในปัจจุบัน แบรนด์ชานมไข่มุก Fire Tiger เสือพ่นไฟมี 16 สาขาทั่วประเทศ บวกกับอีก 13 สาขาในต่างประเทศทั่วโลก ได้แก่ ประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปธนส์ กัมพูชา บวกกับเรียมขยายสาขาใหม่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ในต้นปี 2565
แบรนด์ชานมไข่มุก The Fire Bear หรือ หมีพ่นไฟ
มีจำนวนสาขามากกว่า 200 สาขาทั่วประเทศภายในระยะเวลาเพียง 2 ปี ตั้งแต่เดือน ส.ค. 62
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า จะทำอะไรก็อย่าก๊อปเค้าไปทั้งหมด ทำธุรกิจควรจะให้เกียรติกันบวกกับกัน ไม่ใช่ลอกโดยจงใจหรือตั้งใจเพื่อหวังแก่ประโยชน์ฝ่ายเดียวอ้างอิงรายละเอียดข่าวจาก
- komchadluek.net/news/498187
- khaosod.co.th/special-stories/news_6798485
- thethaiger.com/th/news/509072/