เรื่องการจัดสวน ผมไม่ค่อยมีความรู้มาก อาศัยหลักของการจัดตู้ไม้น้ำเข้ามาช่วย เรื่องสมดุล และความอยากของจิตใจมากกว่าเหตุผลอื่นใดทั้งหมด ประมาณว่า อยากใส่อะไรให้มันเป็นแบบที่อยากได้ ไม่สนองค์ประกอบ ไม่สนว่าจะถูกหลักการหรือไม่ ไม่สนอะไรทั้งนั้น สนแต่ความอยากของตัวเอง คงจะไม่ผิดนักหากมันจะเป็นการจัดสวนในบ้านตัวเอง
การจัดสวนให้สวย ถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่งของมนุษยชาติที่สร้างสรรค์ขึ้นด้วยความรู้สึกนึดคิดที่งดงาม ทำให้เกิดสุนทรียภาพแก่ผู้พบเห็น (บ้างก็ไม่ชอบ) ผู้จัดสวนส่วนใหญ่ต้องมีความรู้เป็นพื้นฐานทางศิลปะและการเดาใจประกอบ นอกเหนือจากความรู้ทางด้านพืชสวน เพราะการจัดสวนให้สวยถูกใจ ใช่ว่าใครจะทำกันได้ง่ายๆ ยิ่งต้องเอาใจเจ้าของสวนว่าอยากได้แบบไหน ยิ่งยาก มันจึงเป็นศิลปะอีกแขนงหนึ่งที่ต้อง ง้อ ผู้ซื้อ ใช่แต่เพียงตามใจผู้ทำอย่างเดียว เหมือนศิลปะแขนงอื่น แล้วหลักศิลปะที่ว่าทั่วไป แบบไหนหรือ???
- – เส้น Line เป็นศิลปะขั้นพื้นฐานในการจัดการงานศิลปะแต่ละแขนง การเรียนรู้ศิลปะทุกแขนงต้องเรียนรู้เรื่องเส้น และระนาบ ไม่ว่าจะเป็นเส้นตรง เส้นโค้ง ที่อาจมีทิศทางของเส้นต่างกันไป เช่น แนวตั้ง แนวนอน แนวเฉียง ซึ่งจะทำให้ได้ความรู้สึกที่แตกต่างกันไปตามจินตนาการ ผู้จัดสวนที่ดีต้องสามารถเอาเส้นต่างๆ มาเป็นหลักในการออกแบบ ผสมผสานให้เกิดการสอดคล้องสัมพันธ์กัน และเกิดคุณค่าทางความสวยงาม การนำหลักการของเส้นโค้งมาใช้เป็นแนวตกแต่งทางเดิน หรือขอบเขตต่างๆ หรือนำมาดัดแปลงรูปทรงของต้นไม้ให้เป็นไปตามต้องการ ก็เป็นศิลปะอย่างหนึ่ง
- เส้นให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน เป็นต้นว่า เส้นตั้งฉาก แสดงถึงความรู้สึกในทางสูง มั่นคง แข็งแรง เส้นนอนให้ความรู้สึกสงบนิ่ง ร่าเริง เบิกบาน เส้นเฉียงให้ความรู้สึกอ่อนโยน ช่วยลดความขัดแย้งระหว่างเส้นต่างๆ เส้นโค้ง ให้ความรู้สึกร่าเริง อ่อนช้อย ลื่นไหล ในการจัดส่วนนั้นนิยมใช้เส้นโค้งมาก เพราะทำให้รู้สึกนิ่มนวลกว่าเส้นตรงทื่อๆ
- – รูปทรง Shape เป็นการนำเอาเส้นมาประกอบกันเป็นรูปเป็นร่าง ให้เกิดมิติ เช่น สามเหลี่ยม วงกลม วงรี สี่เหลี่ยม รูปทรงเหล่านี้มีผลต่อความรู้สึกเป็นอย่างมาก ที่จะช่วยให้งานจัดสวนเป็นไปอย่างมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น โดยรูปทรงต่างๆ ที่นิยมใช้กันคือ รูปทรงสี่เหลี่ยม ที่แสดงถึงความมั่นคง มีระเบียบ มีขอบเขตที่แน่นอน มักนิยมใช้ในการตกแต่งสวนประเภท Formal Style ส่วนรูปทรงสามเหลี่ยม แสดงถึงทิศทางการเคลื่อนไหว มักใช้กับสวนประดับ หรือประกอบกันกับทรงเหลี่ยมอื่นๆ รูปทรงกลมหรือวงรี แสดงถึงความรู้สึกเคลื่อนไหว อ่อนช้อย นุ่มนวล เป็นอิสระ นิยมใช้ในการจัดสวนแบบธรรมชาติ Informal Style ส่วนรูปทรงอิสระ ก็ให้ความรู้สึกเคลื่อนไหว ไม่แน่นอน ไม่มีที่สิ้นสุด มักใช้กับการจัดสวนแบบธรรมชาติ ซึ่งผมก็ชอบที่จะจัดด้วยทรงอิสระ เพราะไม่ต้องมีแบบแผนและกรอบให้วุ่นวาย
- – พื้นที่ว่าง Space พื้นที่ว่างเป็นส่วนสำคัญในการจัดสวนให้สวย เพราะจะทำให้เกิดความงามขึ้นได้ต้องมีจุดเปรียบเทียบ การจัดสวนที่ดีหรือไม่ดีต้องคำนึงถึงพื้นที่ว่างเป็นหลัก การจัดตำแหน่งต้นไม้และสิ่งตกแต่งอื่นๆ เต็มพื้นที่โดยไม่มีพื้นที่ว่างเลยไม่ต่างกับกล่องเก็บต้นไม้ แต่หากมีพื้นที่ว่างเพื่อลดความขัดแย้งและข้อเปรียบเทียบ จะทำให้สวนที่มีดูสมดุลได้ พื้นที่ว่าง สามารถสื่อถึงความรู้สึกของผู้ใช้สอยที่จะได้รับประโยชน์จากส่วนนั้น และทำให้เกิดความงาม อย่างสัมพันธ์กัน
- – สี Colour ไม่ว่าจะเป็นสีของสิ่งก่อสร้าง สีของต้นไม้ ใบไม้ ดอกไม้ สนามหญ้า ฉากหรือกำแพง กรวดดิน หิน ทราย พื้นน้ำ สีเหล่านี้จะเป็นส่วนที่จะทำให้เกิดความรู้สึกเปลี่ยนแปลงไปตามลักษณะและเรื่องราวได้หลายอย่าง แล้วแต่จุดประสงค์ของผู้จัดสวน นักจัดสวนที่ดีต้องมีความรู้เรื่องสีบ้าง โดยเทคนิคของการใช้สีในการจัดสวนขั้นพื้นฐานคือ
ความเข้มของสี Intensity เป็นการใช้สีอ่อนหรือสีสว่างบนพื้นสีเข้ม เช่น สีขาวหรือสีส้มของดอกไม้บนพื้นสีเขียวเข้มของใบไม้ จะทำให้สีอ่อนนั้นมีความชัดเจนและดูสวยงามยิ่งขึ้น
การใช้สีตัด Contrast ตามธรรมชาติแล้วต้นไม้และดอกไม้มักมีสีสันตัดกันอยู่แล้วตามธรรมชาติ การจัดสวนให้มีโครงสีตัดกันจะทำให้มีบรรยากาศดูสดใสยิ่งขึ้น แต่ต้องระวังอย่าใช้สีตัดกันหลายคู่สีในจุดเดียว เพราะจะดูลายตาและไม่มีระเบียบ ไร้รสนิยม
การใช้สีตรงข้าม เป็นการจัดสวนที่แหวกแนวแหกกฏเดิมๆ ผู้จัดต้องเข้าใจในเรื่องธรรมชาติของต้นไม้ว่าควรนำชนิดไหนมาใช้ อย่างเช่น สีแดงกับสีเขียว สีเขียวเหลืองตรงข้ามกับสีม่วงแดง ฯลฯ เพื่อให้เกิดมุมมองอิสระ
การจัดสวนก็เป็นอีกหนึ่งศิลปะที่ต้องเรียนรู้ธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้และสีหรือรูปทรง ล้วนแต่ต้องใช้ความรู้ทั้งสิ้น
อ้างอิงจาก ทูเดย์ไกด์ คอลัมภ์ Garden Home