คิดว่าอนาคตผมเป็นแบบไหนหรือ? จากตอนที่แล้วผมคิดว่า อนาคตผมจะตั้งตัวได้ พี่ๆ ที่ร่วมงานกันในที่นี้อายุก็เริ่มมากขึ้นแต่ละคนสร้างเนื้อสร้างตัวได้อย่างชนิดที่ไม่น่าเชื่อ มันเป็นงานที่มีรายได้สูงจริงๆ พี่บัญชีคนนึงทำงานอยู่นี่ 4 ปีผ่อนบ้านในราคา 10 ล้านได้สบายๆ หัวหน้าผมจ่ายค่าเช่าคอนโดเดือนละเกือบแสนมา 10 กว่าปีแล้ว

ผู้อำนวยการมีไร่เป็นของตัวเองหลายสิบไร่ พี่ๆ คนอื่นๆ ก็มีธุรกิจส่วนตัวมากมายผมกำลังมองหาธุรกิจที่ทำรายได้ให้กับตัวเองด้วย เพราะทำงานที่นี่เหมือนเป็นแหล่งเงินทุนชั้นดี เหมือนนี่จะเป็นสวรรค์สำหรับมนุษย์เงินเดือน ที่แม้จะมีงานหนักแต่ผลตอบแทนต่อปีสูงมาก แม้ฐานเงินเดือนผมจะต่ำไม่ติดฐานภาษีเงินได้ในแต่ละปี แต่อยู่ที่นี่บางปีผมยังต้องเสียภาษี และมันก็เสียมากขึ้นเรื่อยๆ

เหมือนผมอยู่ในฝัน ทำงานที่มีรายได้สูงแบบนี้ได้ มันไม่มีอะไรยาก แม้จะน้อยเนื้อต่ำใจเรื่องอัตราเงินเดือนที่ทำมาแล้วกว่า 5 ปีแต่ก็ยังไม่ได้เท่ากับที่ขอไปตอนสมัครครั้งแรก (ที่ดีคือโบนัสและท่องเที่ยวประจำปี) หลังๆ เริ่มมีการกดดันจากหัวหน้าที่ผมอาจทำงานให้ไม่ได้ดั่งใจของแก หรือแกไม่พอใจอะไรผมหรือเปล่าผมก็ไม่รู้ (ถ้าใครผ่านมาอ่านช่วยบอกผมที)

ผมดูออกถ้าผมไม่โง่เกินไปก็บ้าที่ดูแกไม่ออก แกไม่ปลื้มเหมือนแต่ก่อนเหมือนหน้ามือเป็นหลังมือ จริงๆ เหตุการณ์ที่แกไม่ปลื้มผมนี้อาจมาจากสาเหตุหนึ่งคือ ผมทำงานให้แกมา 5 ปี จนผู้อำนวยการคนเดิมเกษียณแล้วได้คนใหม่เข้ามาทำ แกคงผิดหวังที่ไม่ได้ขึ้นเป็นผู้อำนวยการแทน หรือเพราะเหตุผลอื่นผมก็ไม่ทราบ ลูกน้องของผู้อำนวยการคนก่อนลาออกตามเค้าไปบางส่วน ผมคิดว่าผมยังไม่ออกเพราะแม้ผู้อำนวยการจะดี แต่ผมก็ยังมีหัวหน้าที่ยังสนับสนุนผมอยู่และดีกับผมอยู่ ซึ่งผมคิดว่ามันยังถูกต้อง แต่หารู้ไม่จุดพีคสุดของผมเริ่มขยับแล้ว ณ วันนั้น

วันที่ผมได้งานที่ยากและผมพยายามทำมันเต็มที่ แต่ได้รับคำตอบกลับมาว่าทำงานชุ่ยมาก แล้วแกก็ทำให้ผมดูว่าต้องทำแบบนี้ๆ (สูตร Excel ขั้น Advance) ผมไม่เข้าใจ ผมเทียบผลลัพธ์ที่ผมคำนวณได้จากสูตรของผม ให้แกเห็นว่ามันได้ผลลัพธ์ที่เหมือนกับของแก แต่มีผิดพลาดบ้าง ในบางข้อเพราะเป็นสิ่งที่ผมหาข้อมูลมาไม่ได้ ไม่รู้จัก มันยากเกินไปสำหรับคนที่อยู่ในวงการการลงทุนแค่ 5 ปีและคลุกคลีอยู่แต่กับเว็บและ IT กับการจัดการ report ด้วยสูตรที่เขียนเอง ไม่ได้เชี่ยวชาญการวิเคราะห์ที่มาที่ไป

แกด่าผมจนแทบเสียคนให้นายธนาคารชื่อดังคนหนึ่งที่เป็นกรรมการบริษัทผ่านทาง email และตั้งใจ fw มาให้ผมอ่านว่าผมทำงานอย่างไร น่าเสียดายที่กรรมการท่านนั้นไม่ได้ตอกย้ำความผิดพลาดของผมกลับมาให้หัวหน้าสะใจ แต่กลับบอกว่าลองพยายามคำนวณใหม่อีกรอบ ผมก็คำนวณออกไปให้หัวหน้าใหม่แต่งานก็ยังไม่ผ่าน และแกก็เอางานที่แกทำไปใช้แทน (ซึ่งผลลัพธ์เหมือนกับที่ผมทำได้ แต่ไม่ครบถ้วนเพราะมีบางตัวที่ผมไม่เข้าใจและพยายามถามแกแต่แกไม่ตอบว่ามันคืออะไร)

ระยะหลังๆ ผมเริ่มได้รับงานที่ยากขึ้น มันทำให้ผมมองดูศักยภาพของตัวเองว่ามันเริ่มไม่พัฒนาเพราะวันๆ ผมอยู่แต่กับสูตร excel ทำ pivot table ทำแบบนี้อยู่ทุกวันไม่มีอะไรใหม่ ไม่มีการได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ดีอย่างเดียวคือเวลาว่างมากพอที่ผมจะหัดเรียนรู้เกี่ยวกับ Web แต่ทักษะอื่นผมเริ่มแย่ลงและเก่าเพราะไม่ได้ทบทวน ผมต้องจัดการข้อด้อย แต่เหมือนมันจะไม่ทันใจใครบางคน

ทำในสิ่งที่เรามีความสุข

จุดแตกหักและเป็นมหกรรมกราฟชีวิตของผมถึงขาลงและดิ่งเหว เมื่อผมคิดว่างานผมหนักมาก มีงานบางส่วนจากแผนกอื่นที่เค้าให้ผมจัดการไม่ว่าจะเป็นรายงาน โปรแกรมใช้สำหรับแผนก ผมต้องนั่งเขียนโปรแกรมและจัดการ report ให้แต่ละแผนกเพื่อช่วยให้เค้าทำงานง่ายขึ้น ผมเริ่มไม่ไหวกับงานที่มากเกินตัว ผมตัดสินใจส่งเมล์ปัญหาและสิ่งที่ผมประสบไปยังผู้อำนวยการพร้อมข้อเสนอ เพราะคิดว่าถ้าคุยกับหัวหน้าโดยตรงคงไม่ได้รับคำตอบที่ดี ได้ผล ผู้อำนวยการเรียกพบเป็นการส่วนตัวสอบถามปัญหาและให้ผมเล่าตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ นี่เป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่ผมคิดว่า มันน่าจะออกมาดี เพราะผมให้คะแนนความยากที่ตัวเองทำได้เต็มสิบ

ผมคิดว่าผู้อำนวยการจะไม่บอกกับหัวหน้าผม และน่าจะมีทักษะที่จะหาคำตอบในสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่เปล่าเลย ผมไม่รู้มาก่อนว่าทั้งสองคนสนิทกัน วันรุ่งขึ้นผมถูกเรียกเข้าพบเหมือนกับการเข้าสอบสัมภาษณ์อีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันเกี่ยวกับสิ่งที่ผมขอไป email ที่ผมส่งให้ผู้อำนวยการถูกพิมพ์และวางลงตรงหน้าหัวหน้าผม ผมมองสายตาที่หัวหน้ามองผม และสายตาที่ผู้อำนวยการมองผม ผมรู้อนาคตผมทันที ผมตัดสินใจผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิต ด้วยคำตอบจากทั้งสองท่านบอกว่า “ความสามารถของผมมันสวนทางกับการเติบโตขององค์กร”

ข้อเสนอผมถูกปฏิเสธ และงานทุกอย่างที่ผมรับมาทำจากพี่ๆ หัวหน้าแผนกอื่นและลูกแผนกอื่นๆ ทั้งเต็มใจและไม่เต็มใจถูกส่งคืนหมด (ก่อนนั้นหัวหน้าผมก็รับทราบว่าผมทำอะไรเพราะเอกสารเวียนถึงทุกแผนกว่างานแต่ละอย่างเป็นของใครเพื่อทุกคนรับทราบ)

กลายเป็นงานผมแทบไม่เหลืออะไรเลยนอกจากงาน IT ที่ไม่มีใครทำ และ report เล็กๆ น้อยๆ แถมแผนกยังเปิดรับคนเพิ่มอีก 1 คน แล้วก็คิดงานอื่นๆ อย่างพวก E-News, Documentation Present และอีกหลายอย่างที่เป็นแนวประชาสัมพันธ์องค์กรมาให้พนักงานเลือกกันว่าแผนกไหนจะทำอะไรอย่างไร ผมคิดว่าผมเหมาะกับการทำพวกนี้ แต่เปล่าเลย เค้ายกงานให้คนใหม่ทำทั้งหมด

พนักงานใหม่มีเงินเดือนมากกว่าผม 2 เท่า หมอนั่นทำอยู่ 3 เดือน (แต่งานจริงๆ ผมเองที่เป็นคนทให้ แค่มันออกไปหาข้อมูล งานจริงๆ ที่มันทำไม่ได้เรื่องเลยด้วยซ้ำ) ผมอยากรู้ว่าหัวหน้าจะคิดยังไงกับผม แล้วก็ได้ผล ระยะเวลา 3-4 เดือนที่คนใหม่เข้ามา หัวหน้าทั้งชมทั้งอวยว่าหมอนี่เก่ง เวลาเข้าประชุมก็อวยกันออกนอกหน้า ต่างกับผมที่พยายามต้อนคำถามให้ผมได้จนมุมกับการ present งานต่างๆ จนผมหาคำตอบไม่ได้เสียหน้า กลายเป็ตตัวตลกและไอ้โง่อยู่ในห้องประชุม แม้พี่ๆ คนอื่นๆจะพยายามให้กำลังใจ

ไอ้คนใหม่ก็พยายามยกผลงานผมว่าดี ของเค้าไม่ดี (จริงๆ มันก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าตัวมันเองเป็นเบี้ยไว้สำหรับกำจัดผมเท่านั้น) ผ่านไปสองสามเดือน สุดท้ายผู้อำนวยการก็ทนไม่ไหวเพราะเห็นงานที่มันส่งให้มีปัญหา เลยให้ผมมาแก้ แล้วก็ถึงบางอ้อ ว่าต้นฉบับมันอยู่ในเครื่องผม มันเลยโดนให้ออกเพราะไม่ผ่านโพเพชั่น บทสรุปท้ายสุดคือ ผลงานทุกอย่างมันเกิดจากผม หัวหน้าผมเลยหันกลับมามองผมแบบแทบไม่เชื่อสายตา ทีนี้ทั้งสองคนก็ให้ผมลองทำให้ดู ก็กลายเป็นถูกอกถูกใจกันทุกฝ่าย

ผมคิดว่าทุกอย่างคงจะกลับมาเหมือนเดิม สำหรับงานที่มีรายได้สูง ที่ผมทำอยู่ อุปสรรค์มันผ่านไปแล้ว หรือเปล่า…