ผมมักสงสัยตัวเองและคนอื่นๆ อยู่เสมอ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ภายหลังจากที่มีประสบการณ์ในการเป็นฟรีแลนซ์เองมาซักระยะนึง และผ่านการใช้บริการกับกลุ่มคนพวกนี้มาก็ซักระยะหนึ่งเหมือนกัน มันทำให้ผมเห็นจุดบอดสนิทที่ไม่คิดที่จะแก้ไขกันเลย อย่างหนึ่งที่เหมือนกันแบบแยกไม่ออก นั่นคือ หัวใจของการเป็นฟรีแลนซ์

และยังสงสัยอยู่เสมอว่า ทำไมถึงไม่ค่อยมีใครอยากจะเปลี่ยนความคิดตรงจุดนี้ให้มันดีขึ้นและพัฒนาขึ้นกว่าเดิมนะ มันเกิดอะไรขึ้นกับงานเหล่านั้น ก่อนอื่นผมคงไม่ต้องบอกว่าฟรีแลนซ์คืออะไรล่ะนะ เพราะมันไม่ใช่ประเด็นหลักที่จะเอามาคุยกัน แต่เรื่องหลักๆ ที่จะคุยกันวันนี้เกีี่ยวกับหัวใจของฟรีแลนซ์นี่แหละ ผมให้คำจำกัดความมันเอง เพราะไม่รู้จะใช้คำว่าอะไรมาสื่อถึงความหมายนี้แล้ว ความหมายในทำนองว่า ให้พยายามใส่ใจงานที่ทำเพื่อให้มันออกมามีคุณภาพและวัดระดับการบริการที่ดีขึ้นแก่ตัวผู้ทำฟรีแลนซ์เองได้

ล่าสุดผมประสบปัญหามาแทบจะเหมือนกันใน 2 สายอาชีพฟรีแลนซ์ ซึ่งงานที่ผมได้รับ แน่นอนผมวัดจากการจบงาน นั่นคือผู้ให้บริการส่งผลลัพธ์หรือมันเกิดผลลัพธ์ตามที่ผู้รับบริการต้องการ และผู้รับบริการไม่มีการเพิ่มเติมใดๆ แล้ว นั่นคือการสิ้นสุดงาน สำหรับงานแรกมันจบไม่สวย เรียกว่าผมยังไม่ได้ผลลัพธ์ของงานเลยซักชิ้นเดียว ส่วนงานที่สอง ผมได้ผลลัพธ์ของงานแต่มันไม่สวยอย่างที่ผมคิด จริงๆ มันไม่ได้จบเสียทีเดียว เหมือนว่าจะต้องรอ ซึ่งผลลัพธ์นั้นผมกะว่ามันต้องจบในคราวนั้น แต่มันไม่จบ คือไม่ได้ดั่งใจว่างั้น

สองสิ่งเหมือนจะแตกต่างกันในแต่ละสาขาอาชีพ แต่ปัญหาคือ มันไม่ได้อย่างใจทั้งคู่ แล้วปัญหามันอยู่ที่ไหน??

ช่วงนี้เบื่อสุดๆ กับงานประจำ

ในความคิดผม ปัญหาอย่างหนึ่งของฟรีแลนซ์คือ ชอบรับงานเกินตัว อย่างที่สองคือ ไม่เข้าใจสิ่งที่ผู้ใช้บริการต้องการ สามคือเข้าใจไปคนละอย่างและรีบเร่งจนเกินไป มันเลยทำให้ทุกอย่างที่ดูเหมือนจะง่าย กลับกลายเป็นการได้ผลลัพธ์ที่ไม่ได้ดั่งใจ

การรับงานเกินตัว แน่นอนอาจได้รายได้มากพอเลี้ยงปากท้อง แต่ลืมนึกถึงว่าคุณภาพของงานและระยะเวลามันก็จะมีขอบเขตเป็นกรอบบีบบังคับผู้ให้บริการด้วย รับงานมามาก ทำไม่ทัน สับสนกับงาน หากไม่มีระบบจัดการที่ดี การปนเปของงานและไม่มีเวลาศึกษาให้รอบคอบเกี่ยวกับงานแต่ละอย่างที่ต้องทำ สุดท้ายก็จะกลายเป็นดินพอกหางหมู จนผลลัพธ์ที่ได้ก็ด้อยคุณภาพ ไม่ได้ดั่งที่ตั้งใจเอาไว้

งานมาก ไม่เข้าใจปัญหาของผู้ว่าจ้างอย่างแท้จริง มุบมิบเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ว่ามันควรต้องทำแบบนั้น ผลลัพธ์มันจะได้แบบนั้นแบบนี้ แต่อย่าลืมว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงและมีผลลัพธ์ของมันเอง สิ่งที่เคยได้พบเจอหรือมีประสบการณ์ ไม่เสมอไปที่จะให้ผลลัพธ์เหมือนกันทุกครั้ง นั่นเป็นสีสันให้ฟรีแลนซ์ได้พัฒนาตนเอง เมื่อความเชี่ยวชาญมาก ชั่วโมงบินมากพอ จะมองเห็นถึงปัญหาและวิธีการ อาจมองภาพผลผลลัพธ์ออก แต่อย่าชะล่าใจว่ามันจะเหมือนกันทั้งหมด เพื่อความรอบคอบและชัวที่สุดคือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ว่าจ้างจะดีที่สุด

แต่หลายคนตกม้าตายเพราะเวลาไม่มี งานเยอะ จนละเลยในเรื่องการรับฟังข้อมูล

สุดท้าย ผลลัพธ์ก็จะออกมาแบบ ไม่ได้ดั่งใจ