ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าเป็นโรคติดลูก หรือเห่อลูกกัน น้องแก้มหอมจะ 3 ขวบในปลายปีนี้ ส่วนน้องเปรมก็ 7 ขวบแล้ว แต่ดูเหมือนว่าผมยังมีเวลาไม่มากพอที่จะเก็บเกี่ยวความน่ารักของทั้งสองคนให้ได้อิ่มเลย รู้สึกไม่พอและยังคงต้องการกอดต้องการอยู่ใกล้ๆ กับเค้าทั้งสองไปอีกแบบไม่รู้สึกเบื่อหน่าย

เมื่อวันเสาร์ที่แล้ว ไม่สิ จริงๆ เดือนนี้ทั้งเดือนผมโดดงานทุกวันเสาร์เพื่อจะอยู่กับเค้าต่อในวันอาทิตย์ แม้จะเจอกันเช้า-เย็นและเวลาค่ำๆ ที่อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน แต่ผมยังรู้สึกว่าไม่พอเท่าไหร่สำหรับผม ช่วงน้องเปรมกำลังซนวัยเท่าน้องแก้มในเวลานี้ ผมจำภาพลูกได้นิดหน่อย แต่เมื่อพยายามนึกย้อนๆ กลับไป ผมอยู่กับลูกคนโตได้ไม่บ่อยเท่ากับอยู่กับน้องแก้ม เพราะผมต้องทำงานไกล เพิ่งจะมาใกล้ชิดกับลูกช่วงตอนน้ำท่วมใหญ่ ผมได้งานใกล้ขึ้นทำให้มีเวลามากพอที่จะกลับไปเล่นกับลูกในช่วงเย็นเหมือนในทุกวันนี้

เมื่อวาน (วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน 2558) เรามีโอกาสได้ไปเที่ยวไหว้พระขอพรและปล่อยนกปล่อยปลาที่อยุธยา ช่างมีความสุขกันมาก แม้น้องแก้มหอมจะวิ่งเล่นซนและอากาศร้อนผมก็ยังคงยิ้มที่ได้เห็นลูกวิ่งเล่นซนและหกล้มบ่อยๆ ส่วนคนพี่ก็ช่างพูดซักถามโน่นนี่นั่น ผมตอบแบบไม่รู้สึกเบื่อหน่าย ได้เห็นแววตาของเด็กๆ ทั้งสองคนที่มีประกายความสุข แม้จะเหน็ดเหนื่อยแต่ก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เห็นได้ชัด ผมพยายามเก็บภาพเหล่านั้นไว้ในหัวกลัวว่าจะลืมมันไป

น้องเปรม รรรรรร

ช่วงอยู่บนรถแล้วแม่เค้าออกไปซื้อของ น้องแก้มร้องตามส่วนคนพี่ก็ดุน้อง ผมเห็นแววตาน้องแก้มที่อ้อนวอนอยากออกไปเล่น ซึ่งมันก็ไม่ควรเพราะคุณแม่เค้าออกไปซื้อของแป๊บเดียวก็มาแต่ประสาเด็กก็อยากจะตามเพื่อจะออกไปเปิดโลกของเค้า ร้องไห้หนักมาก ผมเห็นขอบปากน้องและน้ำตาที่ไหล ผมเพิ่งเห็นขอบปากเล็กๆ ของลูกที่เป็นร่องแก้มเวลาที่เธอร้องไห้ ผมเห็นฟันซี่น้อยๆ ที่โผล่พ้นมาเกือบครบ ผมเห็นน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ผมเห็นแววตาอยากรู้อยากเห็นและอ้อนวอน พร้อมเสียงร้องแงๆ ผมปาดน้ำตาให้ลูกพร้อมบอกว่าแม่ออกไปซื้อของเดี๋ยวก็มานะ เราจะไปเที่ยวกันอีกที่นึง น้องแก้มหอมอย่าร้องไห้นะ พร้อมกับลูบแก้มเบาๆ เสยผมที่ปิดหน้า เห็นใบหน้าลูกชัดๆ ที่ผมอยากจะเก็บมันเอาไว้แบบนี้ไปตลอด

นี่คงเป็นความรักของผม เป็นโรคติดลูก อยากเห็นใบหน้าเค้า อยากกอด อยากอยู่ใกล้ๆ อยากดูเค้าเติบโตไปทุกวินาที

น้องแก้มหอม รรรมิลรรภ์

คืนนั้นผมนอนน้ำตาไหล ไม่ใช่เพราะความทุกข์ แต่เพราะความสุขเต็มเปี่ยมที่ผมยอมหยุดงานเพื่อให้ได้อยู่กับเค้าสองคน ผมนอนลูบหัวเจ้าคนโตที่ไม่เหลือเค้าความเป็นเด็กไร้เดียงสาและน่ารักอยู่มากเท่าไหร่ เพราะเค้ายิ่งโตวันโตคืน ทรงผม รูปร่างหน้าตา ความคิด และอื่นๆ หลายสิ่งต่อไปจากนี้ในทุกวินาที จะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นผู้ชายวัยที่เติบโตเติบใหญ่ไปเรื่อยๆ ไปจนถึงในวันที่อีกไม่นานเค้าก็ต้องกางปีกออกไปหาความต้องการของเค้าเอง ผมเห็นหน้าลูกในปัจจุบันก็ทำให้นึกถึงลูกตอนวัยเด็ก ภาพหลายๆ ภาพย้อนกลับมาหาผมทำให้ผมยิ้มได้ คิดไปนอนไปน้ำตาก็ไหลกับภาพที่เค้าเพิ่งคลอดและนอนอยู่ในตู้อบ กับเด็กชายจอมแสบและกวนคนที่ผมกอดอยู่ตอนนี้เป็นคนเดียวกัน เด็กชายที่ช่างซักถาม ช่างคุย ช่างจินตนาการ ผมลุ้นทุกวินาทีที่เค้าเติบโตว่าจะเป็นไปแบบไหนที่เรากำหนดเค้าไม่ได้เลย และก็เต็มใจจะลุ้นในทุกวินาทีต่อไปด้วย

ตัวผมเองถือเป็นคนขี้ลืม ทำได้เพียงเก็บภาพต่างๆ ของลูกเอาไว้เป็นภาพถ่าย บันทึกเรื่องราวต่างๆ ลงเน็ต หวังว่าหากตัวเองลืมมากๆ จะกลับมาอ่านตรงนี้แล้วทำให้นึกถึงเรื่องราวได้ดีขึ้น ผมไม่มีความทรงจำของพ่อเท่าไหร่นักเพราะท่านเสียไปตั้งแต่ผมยังไม่เข้าเรียน ก็เลยอยากจะเก็บความทรงจำดีๆ กับลูกไว้ให้นานที่สุด คืนนั้นผมนอนกอดลูกอย่างมีความสุข

มีเวลา ควรอยู่กับลูกๆ และครอบครัว

ส่วนน้องแก้ม เธอเป็นเด็กน้อยๆ ที่กำลังจะเติบโตอีกคน หวังว่าช่วงเวลาแห่งความสุขที่ผมจะได้เก็บเกี่ยวนี้จะยังอยู่กับผมไปอีกนานจนกว่าเด็กๆ จะโตและโผบินออกจากรัง เมื่อถึงเวลานั้นผมก็คงเป็นตาแก่ ที่ทำได้แค่เฝ้าดูเค้าใช้ชีวิตเอง ก็หวังว่าเมื่อถึงวันนั้น เค้าจะนำสิ่งที่พ่อแม่อย่างผมสอนให้ไปใช้ประโยชน์ได้และมีความสุขกับสิ่งที่เค้าทำ ไม่เดือดร้อนคนอื่น ไม่เดือดร้อนตัวเอง อยู่รอดในสังคม แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

เราเห็นลูกโตขึ้นเรื่อยๆ ก็จริง แต่ก็ยังเห็นภาพของเด็กน้อยที่ซ้อนทับกันอยู่นั้นติดตา เราก็ทำได้เพียงแค่มีความสุขในตอนที่เรายังเห็นยังรู้ยังนึกถึงได้

เก็บความประทับใจของคุณและครอบครัวเข้าเถอะ เพราะเวลามันผ่านพ้นไปเร็วมาก นึกขึ้นได้อีกทีมันก็ย้อนกลับมาไม่ได้แล้ว พลาดแล้วก็จะพลาดไปเลย