ยุคนี้สมัยนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะมี ผีปอป อยู่ให้เห็น แม้ว่าในข่าวช่วงค่ำและช่วงเช้าที่มักนำเสนอข่าวเก่าๆ และข่าวใหม่ๆ ปะปนกัน เรามักจะเห็นในต่างจังหวัด มีการจับปอป หรือมีคนในหมู่บ้านเสียชีวิตกันเป็นจำนวนมาก โทษใครไม่ได้นอกจาก ปอป และก็มีคนหลายคนที่เดือดร้อนเพราะ ปอป ทั้งถูกหาว่าเป็น ปอป และญาติ ปอป หรืออาจจะเป็นจริงๆ เราก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ปอปต่างจังหวัด ต่างจากปอปในเมืองใหญ่
แต่พฤติกรรมการกิน ก็ยังคงเหมือนเดิม ต่างกันออกไปที่ว่า ปอปต่างจังหวัด กินของสดของคาว แต่ปอปในเมือง กินทุกอย่าง กินความหวังความศรัทธาของใครหลายๆ คน
ผีปอปที่ว่าน่ากลัว เมื่อมาเจอกับปอปโลภ ที่หากินอยู่กับความเชื่อและความศรัทธาของคนอื่น ดูเหมือนว่าผีปอปธรรมดาจะไม่มีพิษสงอะไรเมื่อเทียบกับปอปกลุ่มหลัง
เรื่องเล่าปอปเก่าก่อน เริ่มต้นที่บุรีรัมย์ บ้านแม่เฒ่าที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นปอป จึงร้องขอความเป็นธรรมจากผู้เกี่ยวข้องให้มาสอบสวน สร้างความสนใจให้เกิดขึ้นในสังคมไทยได้หลายวันเนื่องจากทั้ง TV หนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นาๆ ในสังคม รวมถึงคำถามยอดฮิตว่า ผีปอป มีจริงหรือ???
นี่อาจไม่ใช่สาระสำคัญที่จะหาคำตอบให้กับคำถามนี้ ตราบใดที่ยังหาเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้ว่าปรากฏการณ์ลี้ลับที่เกิดขึ้น คำตอบสุดท้ายตามความเชื่อของคนกลุ่มหนึ่งที่จะยกประโยชน์และโทษให้ ผีปอป แต่ใช่ว่าเรื่องจะง่ายดาย เมื่อมีสิ่งที่ไม่ต้องการชาวบ้านก็ต้องขับไล่ และไม่ใช่ใครจะมาไล่ก็ได้ ปัญหามันอยู่ที่ ราคาและผู้รู้ หรือหมอผี การขับไล่ผีซักตัวนึงในยุคนี้ คุณอาจจะไม่เชื่อว่ามันต้องใช้เงินหลักหมื่นกันเลยทีเดียว มันทำให้เกิด คนโลภ ที่หากินกับความเชื่อของคน ถึงแม้จะพิสูจน์ไม่ได้และใจนึงก็รู้ทั้งรู้ว่าไม่ใช่ แต่ศรัทธามันก็ฝังแน่นอยู่บนแผ่นดินไทยอย่างแยกไม่ออก โดยเฉพาะในพื้นที่แถบอีสาน
กระแสโลกาภิวัฒน์ได้พัดพาความเชื่อบางอย่างให้หายไป แต่ปอป ก็ยังมีพื้นที่อยู่ได้ในสังคมของชาวอีสานอย่างไม่สามารถแยกออกได้ มันค่อนข้างคงอยู่อย่างแข็งแรงและดูเหมือนจะมีแรงมากเสียด้วยที่มัน ไล่ยาก ความเชื่อเรื่องปอปอาจจะดูเหลวไหลในสายตาของคนเมือง ของคนในยุควิทยาศาสตร์ แต่ประเทศไทยมีพื้นที่กว้างใหญ่ และคนในสังคมเก่าๆ ก็กระจายไปอยู่ตามชนบทต่างๆ เพราะไม่มีทางเลือกในการใช้ชีวิตมากนัก ความเชื่อมันเลยถูกฝังหัว ลบล้างไม่ได้ เพราะตราบใดที่วงการสาธารณสุขยังไม่สามารถอธิบายได้ ปอป จึงเป็นทางเลือกอันดับแรก ไม่เหมือนการคลอดเด็กที่มีโอกาสทำสำเร็จด้วยหมอตำแย และหมอตำแยก็หายไปจากสังคมหมดแล้วนั่นเพราะสาธารณสุขใช้เรื่องการทำคลอดแบบถูกสุขอนามัยและปลอดภัยเข้ามาแทนที่ สร้างความเชื่อมั่นให้ชาวบ้าน หมอตำแยจึงอยู่ไม่ได้ แต่เรื่องปอป ไม่เหมือนกัน หาข้อพิสูจน์ไม่ได้
ผู้ถูกกล่าวหาว่าปอป จึงต้องรับเคราะห์ไปโดยปริยาย เป็นผู้ถูกทำร้ายทางสังคม โดนทำร้ายทั้งกายภาพและจิตใจ ส่วนคนอีกกลุ่มก็หาผลประโยชน์กับความเชื่อนี้โดยที่ชาวบ้านก็เต็มใจตกเป็นเหยื่อของความเลวร้ายต่อไป จะว่าไปแล้วพฤติกรรมแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากผีปอปมากนัก อาจจะร้ายกว่าด้วยซ้ำ เพราะคนพวกนี้ทำได้ทุกอย่างเพราะความ โลภ ความอยาก เป็นแรงผลักดันให้เกิดขึ้น บวกกับความเชื่อและศรัทธาของคนหมู่มาก จึงเกิด ปอปโลภ ผีอีกประเภทที่กินทุกอย่าง