เนื่องจากบทความนี้ บันทึกขึ้นไว้เป็นประโยชน์ในการใช้งาน รถเกือบทุกรุ่น และน่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อื่นด้วย ในเรื่องของการเปลี่ยนยางรถยนต์ เนื่องจากกรณียางแบน ยางแตก หรืออื่นๆ อธิบายขั้นตอนของการเปลี่ยนล้ออะไหล่ เวลาล้อเจ้ากรรมเกิดมีปัญหาขึ้นมา ตัดคัดกรองจากบทความที่ผู้ชำนาญได้ว่าไว้ อย่าหาว่าผมสอนสังฆราชเลยนะครับ
เพราะยังมีคุณผู้หญิงอีกหลายๆ คนที่พอเวลามีปัญหาแบบนี้ขึ้นมาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี หากท่านเห็นว่าเป็นประโยชน์ ช่วยกรุณาแนะนำให้คนที่คุณรักได้ดูวิธีการช่วยเหลือตัวเองเบื้องต้น ครั้งนี้ไว้ด้วย บทความโดย พันติ๊บ จากคุณ LTK ต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
หากท่านกำลังขับรถอยู่ดีๆ แล้วเกิดอาการบังคับควมคุมรถไม่ได้ รถของท่านดึงไปด้านใดด้านหนึ่งอย่างกระทันหัน อย่างแรกที่พึงระลึกไว้ตลอดเวลา คือ อย่าตกใจ อย่าเหยียบเบรคเด็ดขาด!!!
เพราะหากเหยียบเบรค รถจะเกิดการส่าย เอียงและจะพลิกคว่ำในที่สุด ต้องค่อยประคองรถเข้าข้างทาง และหากเป็นตอนกลางคืนให้เข้าใกล้จุดที่มีแสงมากที่สุดนะครับ เมื่อจอดได้แล้วให้ลงมาสำรวจรอบคัน และล้อทั้งสี่ล้อของรถท่าน ถ้าเห็นรถของท่านมีสภาพตามรูป แน่ใจได้เลยครับว่ายางรถมีปัญหาเสียแล้ว
อย่าตกใจไปครับ ปัญหาแบบนี้แก้ได้ไม่ยาก สิ่งแรกที่ต้องทำคือดึงเบรคมือ และใส่เกียร์ P (ในรถเกียร์ออโต้) และเข้าเกียร์ 1 (ในรถเกียร์ธรรมดา) ถ้าสามารถหาหิน หรือท่อนไม้อะไรมารองล้อได้ ก็ให้รองที่ล้อด้านมุมตรงข้ามด้วย เช่นเรายกล้อหลังขวา ก็ไปรองไว้ด้านหน้า ของล้อหน้าซ้าย การเข้าเกียร์รถไว้เพื่อป้องกันในกรณีรถไหลโดยไม่ตั้งใจ
ต่อมาเปิดกระโปรงหลัง หรือที่เก็บ ยางอะไหล่และเครื่องมือว่างๆ ลองเปิดดูมั่งนะครับ ว่ามีอุปกรณ์ครบหรือเปล่า เผื่อฉุกเฉินจะได้เตรียมตัวทัน เมื่อเปิดมาเราจะเจอ ล้ออะไหล่ แม่แรง และประแจขันล้อ นอกจากดูแล้ว เช็คลมด้วยครับ เติมไว้ซัก 40 ก็ได้ (รถเก๋ง) จะได้ไม่ต้องเติมบ่อย พอจะใช้ค่อยปล่อยออกทีหลัง
แม่แรงโดยทั่วไปที่มักนิยม ติดรถไว้จะมี 2 แบบครับ แบบขวามือคือแม่แรงแบบเกลียว แบบซ้ายมือคือแม่แรงแบบปั๊ม ไฮดรอลิก ซึ่งถ้าไม่เป็นการเดือนร้อนจนเกินไปแนะนำให้ไปหาซื้อแบบนี้ติดรถไว้ โดยเฉพาะคุณผู้หญิง เพราะแบบเกลียวจะต้องออกแรงมากเลยครับ กว่าจะยกรถขึ้น
วิธีใช้แม่แรงแบบเกลียว ก็เอาเหล็กเพลาที่เขาให้มาติดกับตัวแม่แรง แล้วออกแรงหมุนๆๆ ดูนะครับ
ส่วนตัวนี้ แม่แรงไฮดรอลิกใช้ง่ายมากครับ แค่โยกคันโยกเบาๆ แม่แรงก็ยืดตัวเองขึ้นได้แล้ว
แต่ก่อนอื่น ยังไม่ต้องขึ้นแม่แรง ให้ท่านคลายน๊อตล้อทุกล้อออกให้มันหลวมก่อนนะครับ หากแน่นมาก็ใช้เท้าเหยียบโหนได้ ไม่ต้องกลัวรถเจ็บครับ ทิศทางการหมุนน๊อตออกคือทวนเข็มนาฬิกานะครับ ใส่ประแจเข้าไปในน็อตให้เต็มหน้าด้วยครับ ก่อนจะขัน ไม่งั้นตอนขัน / เหยียบ มันอาจหลุดปึ้ดออกมาได้ อันตราย
- – ประแจแบบนี้ ของรถบางรุ่น ด้ามมันแหลมด้วย ระวังหน้าแข้ง
- – ถ้าแน่นมากอย่าขึ้นไปยืนแบบเหนี่ยวประแจ ให้ตื้บเป็นจังหวะ
- – เมื่อมีการทำรถ ที่ต้องถอดล้อทุกครั้ง ตอนใส่ควรกำชับให้ช่าง ขันให้แน่นแต่พอดี
เมื่อเราขันน๊อตจนหลวม แต่ไม่ต้องขันจนหลุดนะครับ เอาแค่หลวมๆ เราก็เล็งหาตำแหน่งวางแม่แรงคือต้องเป็นจุดที่แข็งแรงมากๆ และไม่ก่อความเสียหายแก่ตัวรถด้วย หากคิดไม่ออกว่าจะหาจุดไหน ใช้จุดหมุนขอระบบกันสะเทือนหลังก็ได้ครับดังรูป เป็นการวางแม่แรงที่บูชปีกนก และที่สำคัญพื้นต้องสม่ำเสมอด้วยนะครับ กันแม่แรงล้ม เมื่อเราได้ตำแหน่งแล้วก็จัดการวางแม่แรงให้เข้าที่
เรื่องจุดยกแม่แรง รถสมัยนี้มักจะทำเหล็กตรงช่วงที่ผมทำลูกศรเขียวไว้นั่น (ช่วงระหว่างลูกศรแดงสองอัน) หนากว่าปกติ ให้ใช้เป็นจุดยกแม่แรงครับ ถ้าแม่แรงติดรถ ยกตรงนี้ดีกว่า แต่ถ้าไฮโดรลิกแท่งๆ ยกตรงนี้ไม่มั่นคง ห้ามใช้
แล้วก็โยกขึ้นลงเบาๆ นะครับ เราจะโยกแม่แรงจนล้อลอยพ้นพื้นขึ้นมานิดหน่อยนะครับสัก 3-4 ซม. หรือยกให้สูงกะดูว่าเราสามารถใส่ยางใหม่เข้าไปได้หรือไม่ บางทียกน้อยไป ดึงยางเส้นที่แบน (ทั้งที่ไม่ติดพื้นแล้วนั่นแหละ) ออกมาได้ แต่เอายางอะไหล่ขนาดเดียวกัน เส้นที่มีลม ใส่เข้าไปไม่ได้ เมื่อล้อลอยแล้ว จึงขันน๊อตออกมานะครับ
แล้วก็ถอดล้อ ออกมานะครับ
หลังจากนั้น ก็นำล้ออะไหล่ของเรา เข้ามาใส่แทนแล้วใช้มือหมุนน๊อตเข้าไปก่อนนะครับ
แล้วใช้ประแจขัน น๊อตทีละตัวแค่พอตึงมือ โดยใช้ลำดับการขัน หลังจากนั้นปล่อยแม่แรงลง โดยหมุนที่ปุ่มปล่อยน้ำมัน
อย่าลืมหมุนกลับด้วยครับ
แล้วขันย้ำตามตำแหน่งใน คห 15 อีกที จะใช้เท้าเหยียบย้ำให้แน่นก็ได้ครับ
เมื่อไขน๊อตแน่นแล้ว ก็สามารถขับรถออกไปได้แล้ว ที่แรกที่จะต้องไปคือ ปั๊มน้ำมัน หรือที่ที่มีที่ปะยางหากต้องเดินทางไกล เพราะยังไงก็ไม่ควรวิ่งรถด้วยยางอะไหล่ไประยะทางที่ไกลนะครับ เพราะยางอะไหล่ไม่ได้ใช้เก็บอย่างเดียวอาจเกิดอันตรายขึ้นกว่าเดิมได้ให้นำยางที่แบน ไปปะซ่อมแล้ว ก็ให้พนักงานเปลี่ยนกลับให้เรียบร้อยนะครับ