บริษัทพัฒนาที่ดินในประเทศ ฮึดลุยอัดแคมเปญใหญ่ หลังรัฐขยายมาตรการให้อีก 2 เดือน หวังตุนยอดขายในสถานการณ์การเมืองนับถอยหลังสู่การยุบสภา ขยายมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศให้อีก 2 เดือน แม้ว่าผู้ประกอบการจะไม่ได้ประโยชน์กับการลดภาษีธุรกิจเฉพาะที่ 3.3% แต่ในส่วนของผู้บริโภคเองก็ยังได้สิทธิเต็มเปี่ยมทั้งค่าโอนที่ลดจาก 2% เหลือ 0.01% และค่าจดจำนอง 1% เหลือ 0.01% เช่นเดียวกัน
แม้ว่าการขยายเวลาใช้มาตรการของรัฐบาลนั้นจะเป็นเพียงการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ซื้อบ้าน ที่มีปัญหาการโอนอยู่ส่วนหนึ่ง แต่หลังสิ้นสุดมาตรการตามแพ็คเกจเดิมเมื่อวันที่ 26 มี.ค. 53 ที่ผ่านมานั้น ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ต้องเร่งโอนตามเก็บลูกค้าที่รอโอนไปแล้วเกือบหมดสิ้น จะเหลืออยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่ตกค้างและต้องมาโอนในช่วงต่อเวลาพิเศษของมาตรการ
อสังหาฯ เร่งปั๊มยอดขายบ้านก่อนยุบสภา
ในเวลา 2 เดือนที่เหลือจึงเป็นช่วงโบนัสพิเศษให้กับผู้ประกอบการก็ไม่ผิดนัก เพราะคนซื้อยังได้แรงกระตุ้นจากมาตรการอยู่ และหลายๆ ค่ายก็มองเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ยังมีคนซื้ออีกส่วนหนึ่งที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ เพราะเห็นว่ารัฐขยายมาตรการออกไปให้ จึงเป็นช่วงเวลาที่ต้องตามเก็บตกกำลังซื้อที่ยังหลงเหลืออยู่แม้จะมีไม่มาก เท่ากับช่วงไตรมาสแรก เพราะถูกเร่งดูดซับไปแล้วส่วนหนึ่งก็ตาม
อีกเหตุผลที่ผู้ประกอบการต้องเปิดก๊อกสอง ออกแรงเร่งเก็บเกี่ยวผลจากการขยายมาตรการออกไปอีก 2 เดือน เพราะปัญหาการเมืองที่ยังครุกรุ่นรุมเร้ารัฐบาลอยู่ในขณะนี้ และมีความเป็นไปได้สูงที่จะเดินไปสู่การยุบสภาในไม่ช้า เมื่อถึงเวลานั้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจะตกอยู่ในช่วงของสุญญากาศอีกครั้ง เพื่อรอรัฐบาลมารับช่วงต่อ ถ้าสามารถตุนยอดขายในช่วงที่ยังมีแรงกระตุ้นอยู่มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งลดความเสี่ยงได้มากขึ้นเท่านั้น และเชื่อว่า หากมีการเพิ่มเวลาในการต่อรอง กลุ่มเสื้อแดงก็จะยังคงกดดันต่อไป ทั้งนี้ก็จะไม่เป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่ายเช่นเดียวกัน
ช่วงเวลา 2 เดือนที่รัฐต่อมาตรการให้คงจะเป็นการตามเก็บดีมานด์ที่ยังตกค้างอยู่ แม้ว่าจะมีไม่มากเพราะถูกดูดซับไปแล้วส่วนหนึ่งจากกมาตรการที่เพิ่งหมดอายุ ไป โดยขณะนี้บริษัทยังมีบ้านที่สร้างเกือบเสร็จและพร้อมจะโอนใน 2 เดือนอีกประมาณ 100 ล้านบาท และกำลังดูอยู่ว่าจะออกแคมเปญมากระตุ้นการตัดสินใจซื้อจะคุ้มหรือไม่? นายวสันต์ เคียงศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพร์สกล่าว
อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าตลาดในช่วงไตรมาส 2 คงจะไม่ดีเท่ากับไตรมาสแรก แม้ว่าจะมีการขยายมาตรการออกไป เพราะคนซื้อส่วนหนึ่งได้ตัดสินใจซื้อไปก่อนหน้าแล้ว แต่ก็คงจะไม่หดตัวลงไปมากเหมือนกับที่เคยประเมินกันไว้ว่ารัฐจะไม่ต่อ มาตรการออกไป
ทางด้านนายชายนิด โง้วศิริมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ให้ความเห็นเช่นกันว่า การขยายมาตรการออกไปคงจะไม่ได้ช่วยในแง่ของการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ นัก แต่เป็นการรองรับคนที่ยังโอนค้างอยู่มากกว่า แต่ผู้ประกอบการที่ยังมีสต๊อกอยู่ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมจะสร้างเสร็จจะได้ประโยชน์กับการขยายมาตรการออกไป
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเตรียมแผนรองรับโดยการจัดกิจกรรมการตลาดต่อเนื่องในช่วงเวลาที่ เหลืออยู่ เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อเร็วขึ้น โดยขณะนี้บริษัทยังมีบ้านที่สามารถโอนได้ภายใน 2 เดือน มูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท
อัดแคมเปญต้นทุนเดิมดึงลูกค้า
นางธัญญา สิริปูชกะ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท มั่นคงเคหะการ กล่าวว่าในช่วง 2 เดือนหลังจากรัฐบาลต่ออายุมาตรการออกมา 2 เดือน บริษัทฯจะมีโครงการบ้านที่สามารถขายและโอนให้กับลูกค้าได้ 70 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 250 ล้านบาท โดยได้จัดแคมเปญชวนชื่น สรรหา หรรษาเพื่อเร่งการขายในช่วงไตรมาส 2 โดยจะจับสลากแจกรถยนต์โตโยต้าแคมรี่ และคอมพิวเตอร์แมค บุ๊ก และหากลูกค้าโอนบ้านในทันที บริษัทจะให้ส่วนลดเพิ่มอีก 5 หมื่นบาท
?ลูกค้าส่วนใหญ่จะเร่งโอนไปตั้งแต่เดือนมี.ค. ก่อนหมดมาตรการแล้ว แต่หลังจากที่รัฐบาลขยายเวลาให้ เราเองก็ต้องเร่งอัดแคมเปญการตลาดเพื่อเร่งปิดการขาย ซึ่งบ้านส่วนใหญ่ที่เรา มีอยู่ขณะนี้ก่อสร้างไปแล้วกว่า 70% และคาดว่าจะสามารถโอนให้กับลูกค้าได้ภายใน 2 เดือน? นางธัญญากล่าว
นายอภิสิทธ์ งามอัจฉริยะกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า บริษัทมีบ้านพร้อมโอนใน 10 โครงการ จำนวน 100 กว่ายูนิต มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท โดยใช้โปรโมชั่นบ้านต้นทุนเดิม และหากหมดขยายการต่ออายุมาตรการกระตุ้นออกไป บริษัทมีแผนจะปรับราคาบ้านเพิ่มขึ้นราว 5%
นายรัตนชัย ผาตินาวิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสเทอร์นสตาร์ เรียลเอสเตท กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทมีสต๊อกคอนโดมิเนียมและบ้านพร้อมโอน 40 กว่ายูนิต และโครงการที่จ.ระยองบางส่วน ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาแคมเปญการตลาด คาดว่าจะเป็นแคมเปญลดราคา แม้ต้นทุนของบริษัทจะขึ้นมาแล้วประมาณ 4.3% หลังจากที่รัฐบาลไม่ต่อมาตรการในลดภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3%
เมื่อสถานการณ์การเมืองที่ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้จึงทำให้ผู้ประกอบการ ต้องใช้เครื่องไม้เครื่องมือที่มีอยู่ไม่ว่าจะเป็นการขยายมาตรการภาษีให้กับ ผู้บริโภค รวมถึงสรรพกำลังที่ตัวเองมีอยู่ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการปั๊มยอดขาย ตลาดในไตรมาสที่ 2 จึงร้อนระอุไม่แพ้การเมืองเป็นแน่แท้
ที่มา posttoday